ประวัติบ้านในเหมือง

(ภาพในเหมืองในอดีต)
ประวัติศาสตร์ที่มาของ “บ้านในเหมือง” แต่ก่อนเรียกกันว่า “ในหูต ” จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ของบ้านในเหมืองบอกว่า สาเหตุที่เรียกว่าในหูต เพราะมีแอ่งหรือบ่อ ซึ่งเป็นที่รวมของลำคลองและสายน้ำต่างๆไหลมารวมกันบริเวณแอ่งหรือบ่อนั้นแล้วเสมือนว่าน้ำเหล่านั้นถูกสูบดูดหายไปเลยชาวบ้านบอกว่าน้ำเหล่านั้นถูกหูดหายไป (ซึ่งอยู่บริเวณวัดน้ำเชิ้ม บริเวณเหมือง 6 หรือบ้านสะพานสูง ในปัจจุบัน ) จึงเรียกกัน บ้านในหูต จนกระทั้งก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชาวต่างชาติเข้ามาทำเหมืองแร่ดีบุก ซึ่งเป็นการทำแบบใช้เรือขุด ชาวบ้านเรียกเป็นบ้านเหมืองในหูต (หลักฐานคงเหลืออยู่คือ สถานีตำรวจเหมืองในหูต) ประชากรที่อยู่บ้านในเหมืองส่วนใหญ่เป็นคนที่อพยพมาจากที่อื่นๆเพื่อเข้ามาประกอบอาชีพรับจ้างทำเหมืองแร่ และทำมาหากินจากเหมืองแร่
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเดินทำธุระในตลาดหลังสวนและได้ไปแวะคุยกับคุณลุงคนหนึ่งในตลาดหลังสวน ครับก็ขออนุญาตเอ่ยนามคุณลุงด้วยก็แล้วกัน คุณลุงแกชื่อ แสงชัย มุจนานันท์ แกเปิดร้านค้าขายของในตลาดหลังสวน ชื่อ ร้านเจริญพานิช ซึ่งตั่งอยู่หลังป้อมตำรวจของ สภ.หลังสวน นี่เอง คุณแสงชัยเล่าให้ฟังว่าแกเกิดที่เมืองซัวเถาประเทศจีน พออายุได้ 12 ปี ก็ได้อพยบเข้ามาอยู่ในเมืองไทยโดยนั่งเรือเข้ามาเหมือนกับที่ท่านเคยเห็นในหนังนั่นแหละ มาอยู่กับเตี่ยที่จังหวัดเพชรบุรีซึ่งได้อพยบเข้ามาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว อยู่ที่เพชรบุรีก็ได้ช่วยเตี่ยทำมาค้าขาย โดยจะใช้รถจักรยานยนต์ 90 ซีซี. บรรทุกเสื้อผ้าวิ่งไปขายตามตลาดนัดจากเพชรบุรีลงมาชุมพรมาหลังสวนเลยไปถึงสุราษฎร์และนครฯ สมัยก่อนในตลาดหลังสวนยังคงเป็นป่ารกเต็มไปหมดไม่มีวี่แววว่าจะมีความเจริญเหมือนกับทุกวันนี้เลย แม้กระทั่งบริเวณรอบๆบ้านที่แกค้าขายอยู่ทุกวันนี้ก็มีแต่ป่าล้อมรอบ ขี่มอเตอร์ไซผ่านไปผ่านมาหลายรอบก็เลยถูกอกถูกใจภูมิประเทศที่หลังสวนเลยหาที่หาทางตั้งรกรากทำมาค้าขายอยู่ที่หลังสวนจวบจนทุกวันนี้ คุยไปคุยมาหลายเรื่องก็เลยอดถามถึงเรื่อง ในหูต ซึ่งผู้เขียนสงสัยและข้องใจมานานแล้วว่ามันแปลว่าอะไร คุณลุงแกก็เล่าให้ฟังว่า ในหูต เป็นคำมาจากภาษาจีน แปลว่าเหมืองแร่ ซึ่งก็มีความหมายคล้ายๆกับคำว่า เซี๊ย-ซัว ในภาษาจีนซึ่งแปลว่าภูเขาเหมืองแร่ เหมือนกัน ก็คงจะเป็นด้วยเหตุที่บริเวณบ้านในหูตมีการทำเหมืองแร่กันมากในสมัยก่อน คำว่า ในหูต จึงเป็นที่มาของชื่อๆนี้ในทุกวันนี้
เอกสารอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล
http://gotoknow.org/blog/sangnapa/103741
http://www.bannaimuang.com/
http://bannaihoot.chumporn.police.go.th/index.php?option=com_content&task=view&id=34&Itemid=55
เนื้อหาเน่นดีมากค่ะ
ตอบลบ